วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

บทความสำนวน ชูคอเหมือน "กิ่งก่าได้ทอง"

บทความสำนวน ชูคอเหมือน "กิ่งก่าได้ทอง"


คำว่า “กิ้งก่าได้ทอง” ลำพองศักดิ์
เปรียบคนมักหยิ่งตน ถูกคนหยาม
แต่ความจริงกิ้งก่าใช่ว่าใจทราม
เพียงทำตามสัญญาสัตว์ป่าไพร

ที่มา : https://www.google.co.th/search?q=เรื่องกิ้งก่าได้ทอง

                  สำนวนที่เกิดขึ้นมานั้น มีที่มาจากหลาย แหล่ง ตั้งแต่สิ่งที่ใกล้ตัว คือ มาจากวัฒนธรรมการดำรงชีวิต (ปัจจัย ๔) มาจากธรรมชาติ มาจากวัฒนธรรมสังคม มาจากวัฒนธรรมจิตใจ มาจากวัฒนธรรมศิลปะ และมาจากวัฒนธรรมทางภาษา บางคนอาจไม่รู้ว่า สำนวนไทย ยังมีที่มาจากวรรณคดีของไทยเช่นกัน 
                   
                   สำนวนไทยที่หลายคนเคยได้ยิน คุ้นหูกันมา แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ดังกับสำนวน    กิ้งก่าได้ทอง บางคนอาจเข้าใจว่า มาจากธรรมชาติ เพราะ กิ้งก่า นั้นเป็นสัตว์เลื่อยคลานขนาดเล็ก มี ๔ ขา มีเกล็ดปกคลุมลำตัว กินแมลงเป็นอาหาร แต่ที่จริงแล้ว กิ้งก่าได้ทอง เป็นสำนวนที่ได้นำมาเปรียบเทียบการกระทำของคน และมีที่มาจากวรรณคดี เรื่อง มโหสธชาดก หรือ มหาอุมมัคคชาดก  
สำนวน กิ้งก่าได้ทอง มีความหมายว่า “เย่อหยิ่งจองหอง หรือ ลำพองตน” ใช้ในการตำหนิติเตียนบุคคลผู้หลงผิดคอว่าตนนั้นดีกว่าคนอื่น หรือได้ดีแล้วทำตัวเย่อหยิ่งไม่นึกถึงบุคคลผู้ทำคุณแก่ตน                                       
                        -  เพื่อนเตือนด้วยความหวังดีนะ อย่าทำตัวเป็นกิ้งก่าได้ทอง ลาภยศตำแหน่งที่ตรงนี้ไม่ใช่ของเธอ ตอนนี้เธออยู่ในฐานะผู้รักษาการแทน ซักวันเจ้าของตำแหน่งจริงๆ เขาก็จะมา
                        -  เขาคงไม่เคยได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้ข่าวว่าถูกรางวัลได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรี แค่นี้ทำตัวเป็นกิ้งก่าได้ทอง                                        
                     
                          สำนวน กิ้งก่าได้ทอง มีคนนำมาพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย จนได้นำสำนวนนี้ ไปแต่งเป็นนิทาน เรื่อง กิ้งก่าได้ทอง ที่ให้ข้อคิดแก่ผู้อ่าน และแต่งในรูปแบบของสำนวน สุภาษิตธรรม ชุด กิ้งก่าได้ทอง

 ที่มา : http://prachachang.blogspot.com/2010/10/blog-post.
                   

ที่มา : http://www.thammasapa.com/product/456462/กิ้งก่าได้ทอง-(นิทานธรรม)

            เรื่อง “กิ้งก่าได้ทอง” มีที่มาจากมโหสธชาดก หรือ มหาอุมมัคคชาดก มีความว่า 
                            
             พระเจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเสด็จพร้อมด้วยข้าราชบริพารไปสู่พระราชอุทยาน กิ้งก่าตัวหนึ่งเกาะอยู่บนซุ้มทวารและเห็น ก็รีบลงมาบนพื้นดินและนอนก้มศีรษะนอนลงบนดุษณี พระราชาทรงประหลาดพระทัยในกิริยาของมัน จึงถามมโหสธว่า                   
                                                  “กิ้งก่าตัวนั้นกำลังทำอะไร”  มโหสธทูลตอบว่า                                                                                          “มันกำลังถวายความเคารพพระองค์อยู่พระเจ้าข้า”                                                                                    พระราชาทรงพอพระทัยอย่างยิ่งจึงตรัสว่า                                                                                                   “ถ้ากระนั้น เราควรให้รางวัลอะไรแก่มัน”                                                                                                     “การให้รางวัลไม่มีประโยชน์แก่มันดอกพระเจ้าข้า สิ่งที่มันต้องการก็คืออาหารเท่านั้น”                                                                                                                                            “แล้วมันกินอะไรเล่า”                         
                                                     “กินเนื้อพระเจ้าข้า”                                                                                                                                     “ราคาสักเท่าไร”                                                                                                                                       “แค่หนึ่งกากณิก*ก็พอ”                                                                                       “กากณิกน้อยไป ควรเพิ่มให้เป็นกึ่งมาสก**” ท้าววิเทหะ จึงทรงเมตตาพระราชทานเบี้ยเลี้ยงให้เป็นค่าอาหารทุกวัน วันหนึ่งคนเลี้ยงหาซื้อเนื้อที่ตลาดไม่ได้เพราะเป็นวันอุโบสถ(วันพระ) ไม่มีการฆ่าสัตว์ จึงเอาทองที่พระราชทานเป็นค่าอาหาร ประจำวันนั้นผูกไว้ที่คอมันแทนก้อนเนื้อ พอมันได้ทองแล้วก็ทำ หยิ่งลำพองยิ่งนัก ไม่ได้ถวายความคารวะพระ   ราชาในวันนั้นเหมือนก่อน พระราชาทรงกริ้วจึงสั่งให้เลิกค่าเบี้ยเลี้ยงแก่มัน แต่มโหสธผู้ใจงามขอประทานโทษกิ้งก่าไว้ เพราะเป็นผู้ที่ไร้สติปัญญาจึงเห็นผิดเป็นชอบไปจึงควรให้อภัย พระราชาก็โปรดให้เป็นให้เป็นไปตามคำทูลขอของมโหสธบัณฑิตนั้น                                                                                                                 (ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา ; หน้า ๑๖-๑๗)                                          
 ที่มา : http://oknation.nationtv.tv/blog/nongrangga/2008
          นองจาก กิ้งก่าได้ทอง จะมาจากวรรณคดีเรื่องมโหสธชาดก หรือ มหาอุมมัคคชาดกแล้ว ก็ยังมีคนได้รู้จักกับสำนวนนี่จากเรื่อง ไชยเชษฐ์ อีกด้วย 
กิ้งก่าได้ทอง นี้ ใช้กันมานานแล้ว ตั้งแต่ พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒ เรื่องไชยเชษฐ์ ซึ่งเป็นตอนหนึ่งที่ไชเชษฐ์ ได้ด่าว่านางสนมทั้งเจ็ดนาง ว่า
           “เมื่อนั้น   พระไชยเชษฐ์เคืองแค้นแสนศัลย์ งุ่นง่านดาลเดือดดุดัน ขบฟันเกรี้ยวกราดตวาดไป        เหม่อีขี้ข้าหน้าเป็นมา เยาะเย้ยกูเล่นหรือไฉน กูขับเมียกูเสียก็เพราะใคร  พวกมึงหรือมิใช่มายุยง มึงอย่าพักชมชื่นรื่นรวย   ชีวิตมึงจะม้วยเป็นผุยผง แม้ตามไปได้ดังใจจง จะปลดปลงทั้งโคตรอีกเจ็ดคนวันนั้นเสียความไม่ถามไถ่  กูหลงเชื่ออีใจอกุศล ไม่ทันคิดพิเคราะห์ดูเล่ห์กล บันดาลดลจิตใจให้ขับน้อง            มึงทั้งเจ็ดคนอีชาติข้า เห็นกูไปมาก็จองหอง ทำแก่เนื้อแก่ตัวหนังหัวพอง  เหมือนกิ้งก่าได้ทองผูกคอไว้”                                                               (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ; หน้า ๓๑๗ )

            จะเห็นได้ว่าสำนวน กิ้งก่าได้ทอง มีที่มาจากวรรณคดี เรื่องมโหสธ หรือ มหาอุมมัคคชาดก และยังมีวรรณคดีเรื่องอื่น ๆ ได้นำสำนวนี้ไปใช้แต่งเพื่อเป็นข้อคิดให้กับผู้อ่าน กิ้งก่าได้ทอง นั้น มักจะนำไปใช้ในการเปรียบเทียบ ให้กับคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ ต่อผุ้ที่ให้พระคุณแก่ตน และนอกจาก สำนวนกิ้งก่าได้ทอง ยังมีสำนวนอีกมากมายที่เกิดจากวรรณคดีเช่นเดียวกัน 


*กากณิก มีความหมายในรูปศัพท์ว่า “ทรัพย์มีค่าเท่ากับค่าแห่งชิ้นเนื้อพอที่กาจะคาบไปได้” หมายถึง มาตราเงินอย่างต่ำที่สุด
**มาสก หมายถึง ชื่อมาตราเงินในอินเดียโบราณ ๕ มาสก คิดเป็น ๑ บาท


1 ความคิดเห็น:

Tru Thai รหัส 58115550107 Student Curriculum Vitae 107  นางสาวกชกร    ปกป้อง รหัส 58115550107 สาขาวิชาภาษาไทย ...